การดูแลรักษา เครื่องดูดฝุ่นดูดน้ำ
การดูแลรักษา
- หมั่นทำความสะอาดส่วนต่างๆ ของเครื่องให้สะอาด และอย่าให้มีสิ่งสกปรก เข้าไปทำให้อุดตัน โดยเฉพาะอย่างตัวกรองหรือตะแกรงกันเศษวัสดุมิให้เข้าสู่มอเตอร์ ควรทำความสะอาดโดยใช้ปรงถูเบาๆ และล้างน้ำ จากนั้นนำไปตากในที่ร่มให้แห้ง ไม่ควรใช้น้ำอุ่น ล้าง น้ำควรมีอุณหภูมิต่ำกว่า 45 องศาเซลเซียส
- หลังจากใช้งานเรียบร้อยแล้ว ควรนำไปวางในสถานที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี เพื่อให้ มอเตอร์ระบายความร้อนได้อย่างรวดเร็ว
เครื่องดูดฝุ่นแรงตก แรงไม่มี
เครื่องดูดฝุ่นที่แรงดูดลดลงมักเกิดจากการระบายลมของช่องปล่อยลมหรือช่องดูดลมทำงานไม่เต็มที่สามารถตรวจสอบได้ดังนี้
- ถอดปลั๊กสายไฟฟ้าของเครื่องดูดฝุ่นออกจากเต้าเสียบ
- ยกหัวของเครื่องดูดฝุ่นออกจากถังของเครื่องพร้อมทั้งตรวจสอบรายการดังนี้
- ฝุ่นเต็มถังเครื่องดูดฝุ่น ให้นำฝุ่นไปเททิ้งแล้วนำกลับมาใช้ใหม่
- ตรวจสอบฟิลเตอร์กรองฝุ่นที่อยู่ในถังของเครื่องดูดฝุ่น กรณีฟิลเตอร์ตัดให้นำมาเป่าลมหรือล้างทำความสะอาดด้วยน้ำ ทิ้งให้แห้งก่อนนำมาใส่ให้เหมือนเดิม
- ตรวจสอบเบ้าต่อท่อเข้าถัง เนื่องจากถ้ามีเศษขยะชิ้นใหญ่ติดอยู่ในท่อให้นำออก
- ตรวจสอบสายดูดฝุ่น กรณีสายแตก สายหัก สายรั่ว ให้ทำการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนท่อใหม่
- ตรวจสอบสายเดนน้ำทิ้งว่า แตก หัก รั่ว เนื่องจากถ้าสายเดนเสียหายจะส่งผลถึงระบบดูดของเครื่องดูดฝุ่น ให้ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่
- เมื่อตรวจสอบรายการข้างต้นแล้ว แรงดูดยังไม่แรงแนะนำให้ติดต่อมาที่ผู้จำหน่ายเครื่องดูดฝุ่นเพื่อนัดนำเครื่องเข้ามาตรวจสอบ
เครื่องดูดฝุ่น เครื่องดูดฝุ่นสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ตามลักษณะหรือการใช้งาน ดังนี้
1.แบ่งตามรูปทรงหรือโครงสร้าง มี 3 แบบคือ
- แบบดูดฝุ่นโดยตรง จะดูดฝุ่นจากพื้นเข้าเครื่องโดยตรง เหมาะที่จะใช้ดูดฝุ่น บนพื้นในบริเวณกว้างๆ
- แบบทรงกระบอก เป็นเครื่องขนาดเล็กใช้กับการดูดฝุ่นที่มีน้อย สามารถ ถือหรือหิ้วไปมาได้สะดวก เหมาะที่จะใช้ในบ้านเรือนและรถยนต์
- แบบกระป๋อง ใช้ตามบ้านเรือนทั่วไป จะมีล้อสำหรับเคลื่อนย้ายในขณะทำ การดูดฝุ่น ใช้กับงานที่ฝุ่นมาก
2.แบ่งตามลักษณะการดูดฝุ่น มี 3 แบบคือ
- ดูดฝุ่นเข้าเครื่องโดยตรง โดยเครื่องไม่ได้ทำให้ฝุ่นกระจายก่อนดูดเข้า เครื่อง ผู้ผลิตบางรายอาจผลิตแปรงติดที่ปลายท่อดูด เพื่อให้ดูดฝุ่นได้มีประสิทธิภาพขึ้น เครื่องดูดฝุ่นแบบนี้ได้แก่ชนิดทรงกระบอกและแบบกระป๋อง
- ดูดฝุ่นแบบสั่นสะเทือน เครื่องจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายก่อน แล้วจึงค่อยดูด เข้าเครื่อง ที่ช่องทางดูดฝุ่นจะมีแกนหมุนซึ่งมีแปรงและบ่านูนหรือแท่งที่เกิดจากการสั่น สะเทือนใน ขณะทำงาน ทำให้เหมาะกับการดูดฝุ่นที่ติดอยู่ในพรมปูพื้นหนาๆ ได้เป็นอย่างดี
- ดูดฝุ่นแบบแปรงหมุน จะมีลักษณะคล้ายแบบสั่นสะเทือนแต่ไม่มีบ่านูน แต่จะมีขนแปรงอยู่โดยรอบแกนหมุน เพื่อช่วยให้ฝุ่นที่เกาะตามพื้นหลุด และกระจายออกก่อนที่จะ ถูกดูดเข้าเครื่อง เหมาะที่จะใช้ดูดฝุ่นบนพรมที่ไม่หนามากนัก
ส่วนประกอบของเครื่องดูดฝุ่น
ส่วนประกอบหลักของเครื่องดูดฝุ่นประกอบไปด้วยรายการดังต่อไปนี้
- พัดลมดูด
- มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนพัดลม
- ฟิลเตอร์กรองฝุ่น หรือ ถุงผ้า
- ถังเก็บฝุ่น หรือกล่องเก็บฝุ่น
- อุปกรณ์หัวดูดฝุ่น เช่น แปรงดูดฝุ่น แปรงดูดน้ำ หัวแปรงกลม หัวแปรงดูดซอก
- สายดูดฝุ่น สามารถขยายความยาวได้โดยการใช้ข้อต่อสายดูดฝุ่น
- ข้อท่อแสตนเลส สำหรับเพิ่มความยาวให้แก่สายดูดฝุุ่น
ลักษณะการทำงานของเครื่องดูดฝุ่น
เครื่องดูดฝุ่นเริ่มทำงานเมื่อเปิดสวิตซ์เครื่องดูดฝุ่น ระบบเครื่องก็จะทำงานโดยมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนพัดลมดูดซึ่งจะดูดเอาฝุ่นละออง ฝุ่นแห้งหรือฝุ่นเปียกเข้ามาตามหัวดูดซึ่งแยกตามการใช้งาน ส่งเข้าท่อดูด และถูกเก็บที่ถุงเก็บหรือกล่องเก็บฝุ่น เครื่องดูดฝุ่นชนิดที่ทำความสะอาดพื้น จะมีแปรงปัดฝุ่นช่วยในการปัดฝุ่นให้กระจายขึ้นจากพื้น เพื่อให้ดูดฝุ่นได้สะดวกขึ้น
การใช้อย่างประหยัดพลังงานแและถูกวิธี
-
ควรเลือกขนาดของเครื่องตามความจำเป็นในการใช้งาน วัสดุที่เป็นพรมหรือผ้าซึ่งฝุ่นสามารถเกาะอย่างแน่นหนา ควรใช้เครื่องที่มีขนาด กำลังไฟฟ้ามาก (Heavy Duty) ส่วนบ้านเรือนที่เป็นพื้นไม้ พื้นปูน หรือหินอ่อนที่ง่ายต่อการ ทำความสะอาด เพราะฝุ่นละอองไม่เกาะติดแน่น ก็ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีกำลังไฟฟ้าต่ำ ซึ่งจะไม่สิ้นเปลืองการใช้ไฟฟ้า
-
ควรหมั่นถอดตัวกรองหรือตะแกรงดักฝุ่นออกมาทำความสะอาด เพราะถ้เกิด การอุดตัน นอกจากจะทำให้ลดประสิทธิภาพการดูด ดูดฝุ่นไม่เต็มที่ และเพิ่มเวลาการดูดฝุ่น เป็นการเพิ่มปริมาณการใช้ไฟฟ้าของมอเตอร์ที่ต้องทำงานหนักและอาจไหม้ได้
-
ควรใช้ในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี เพื่อเป็นการระบายความร้อนของตัวมอเตอร์
-
ไม่ควรใช้ดูดวัสดุที่มีส่วนประกอบของน้ำ ความชื้น และของเหลวต่างๆ รวมทั้งสิ่ง ของที่มีคม และของที่กำลังติดไฟ เช่น ใบมีดโกน บุหรี่ เป็นต้น เพราะอาจก่อให้เกิดอันตราย ต่อส่วนประกอบต่างๆ
-
ควรหมั่นถอดถุงผ้าหรือกล่องเก็บฝุ่นออกมาเททิ้ง อย่าให้สะสมจนเต็ม เพราะ มอเตอร์ต้องทำงานหนักขึ้น อาจทำให้มอเตอร์ไหม้ได้ และยังทำให้การใช้ไฟฟ้าสิ้นเปลืองขึ้น
-
ใช้หัวดูดฝุ่นให้เหมาะกับลักษณะฝุ่นหรือสถานที่ เช่น หัวดูดชนิดปากปลาย แหลมจะใช้กับบริเวณที่เป็นซอกเล็กๆ หัวดูดที่แปรง ใช้กับโคมไฟ เพดาน กรอบรูป เป็นต้น ถ้าใช้ผิดประเภท จะทำให้ประสิทธิภาพการดูดลดลง สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า
-
ก่อนดูดฝุ่นควรตรวจสอบข้อต่อของท่อดูดหรือชิ้นส่วนต่างๆ ให้แน่น มิฉะนั้น อาจเกิดการรั่วของอากาศ ประสิทธิภาพของเครื่องจะลดลง และมอเตอร์อาจทำงานหนักและไหม้ได้